วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

นายกของประ เทศไทย คนที่ 29 ปี/2557

เรื่่องถัดไป
ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

ที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติฉลุย! โหวตเลือก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา'' นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย
ที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติฉลุย! โหวตเลือก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา'' นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย 
บรรยากาศการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติโหวตเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย ก่อนที่จะนำรายชื่อส่งสำนักราชเลขาธิการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและนำขึ้นทูลเกล้าฯตามขั้นตอนต่อไป
ประวัติ
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายของ พ.อ. (พิเศษ) ประพัฒน์ กับเข็มเพชร จันทร์โอชา มีชื่อเล่นว่า "ตู่" สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า "บิ๊กตู่" เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน[2] หนึ่งในน้องชายคือ พล.ท. ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3

ประยุทธ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา จังหวัดลพบุรี ต่อมาได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในจังหวัดเดียวกัน แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออกเนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด เขาจึงเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3[ภายหลังได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23

ประยุทธ์ มีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี ในวัยเยาว์เขาเป็นคนเรียนเก่งมีความถนัดและความชอบในวิชาคณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ จากการสนับสนุนของบิดามารดา

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ รศ.นราพร จันทร์โอชา อดีตอาจารย์ประจำสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การทำงานและบทบาททางการเมือง
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับราชการทหารอยู่ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ "ทหารเสือราชีนี" มาโดยตลอด โดยเริ่มมาจากตำแหน่งผู้บังคับการกองพัน จนถึงผู้บังคับการกรม จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และรับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1

ในรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ที่มี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้นมียศเป็น "พลตรี" ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการยึดอำนาจด้วยรับคำสั่งตรงจาก พล.ท. อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากนั้นเมื่อ พล.ท. อนุพงษ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและเลื่อนชั้นยศเป็น "พลเอก" พล.ต. ประยุทธ์ก็ได้เลื่อนชั้นยศขึ้นเป็น "พลโท" และรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ด้วย

พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่มีความสนิทสนมกับ พล.อ. อนุพงษ์ เป็นอย่างมาก ด้วยความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาตลอดในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดย พล.อ. ประยุทธ์นับถือ พล.อ. อนุพงษ์เสมือนพี่และอาจารย์คนหนึ่งของตน โดย พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายทหารที่มีบุคลิกที่อ่อนนุ่มโดยมักติดคำว่า "นะจ๊ะ" ต่อท้ายการพูด จึงได้รับอีกชื่อหนึ่งจากสื่อมวลชนว่า "ตู่นะจ๊ะ"

พล.อ. ประยุทธ์ ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551 ถึง 14 กันยายน พ.ศ. 2551 และรับตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบกต่อจาก พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึง 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554 และเป็นหนึ่งในคณะดำเนินคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2554

รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557
พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) ในการประกาศกฏอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 และรัฐประหาร ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หลังการหารือกับตัวแทน 7 ฝ่ายไม่เป็นผล ต่อมา คสช. มีประกาศให้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเป็นของเขา
หลังรัฐประหาร สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับพลเอก ประยุทธ์ให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณและพันธมิตรนับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการ กองทัพได้รับข้อเสนอของ กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรต่อมา พลเอกประยุทธ์ปฏิเสธว่าไม่ได้คุยกับสุเทพเป็นการส่วนตัวในห้วงการชุมนุมทางการเมือง
พลเอกประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ตอนหนึ่งว่า "ตนเรียนท่านแล้วทุกวันนี้ เราทำกฎกลไกของรัฐปกติ ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน ผมไม่เห็นจะยากตรงไหน ในการที่จะบริหารให้คนทำงาน แต่จะก้าวหน้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29: เรื่่องถัดไป ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ...

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29: เรื่่องถัดไป ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ...

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29: เรื่่องถัดไป ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ...

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29

Ph.D/ ดร.สมัย เหมมัน : นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29: เรื่่องถัดไป ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ ...

นายก คนใหม่ของประเทศไทย 2557 คนที่ 29

เรื่่องถัดไป
ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

ฉลุย! มติสนช.เลือก 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

ที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติฉลุย! โหวตเลือก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา'' นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย
ที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติฉลุย! โหวตเลือก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา'' นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย 
บรรยากาศการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติโหวตเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่29 ของไทย ก่อนที่จะนำรายชื่อส่งสำนักราชเลขาธิการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและนำขึ้นทูลเกล้าฯตามขั้นตอนต่อไป
ประวัติ
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายของ พ.อ. (พิเศษ) ประพัฒน์ กับเข็มเพชร จันทร์โอชา มีชื่อเล่นว่า "ตู่" สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า "บิ๊กตู่" เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน[2] หนึ่งในน้องชายคือ พล.ท. ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3

ประยุทธ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา จังหวัดลพบุรี ต่อมาได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในจังหวัดเดียวกัน แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออกเนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด เขาจึงเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3[ภายหลังได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23

ประยุทธ์ มีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี ในวัยเยาว์เขาเป็นคนเรียนเก่งมีความถนัดและความชอบในวิชาคณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ จากการสนับสนุนของบิดามารดา

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ รศ.นราพร จันทร์โอชา อดีตอาจารย์ประจำสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การทำงานและบทบาททางการเมือง
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับราชการทหารอยู่ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ "ทหารเสือราชีนี" มาโดยตลอด โดยเริ่มมาจากตำแหน่งผู้บังคับการกองพัน จนถึงผู้บังคับการกรม จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และรับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1

ในรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ที่มี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้นมียศเป็น "พลตรี" ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการยึดอำนาจด้วยรับคำสั่งตรงจาก พล.ท. อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากนั้นเมื่อ พล.ท. อนุพงษ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและเลื่อนชั้นยศเป็น "พลเอก" พล.ต. ประยุทธ์ก็ได้เลื่อนชั้นยศขึ้นเป็น "พลโท" และรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ด้วย

พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่มีความสนิทสนมกับ พล.อ. อนุพงษ์ เป็นอย่างมาก ด้วยความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาตลอดในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ โดย พล.อ. ประยุทธ์นับถือ พล.อ. อนุพงษ์เสมือนพี่และอาจารย์คนหนึ่งของตน โดย พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายทหารที่มีบุคลิกที่อ่อนนุ่มโดยมักติดคำว่า "นะจ๊ะ" ต่อท้ายการพูด จึงได้รับอีกชื่อหนึ่งจากสื่อมวลชนว่า "ตู่นะจ๊ะ"

พล.อ. ประยุทธ์ ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551 ถึง 14 กันยายน พ.ศ. 2551 และรับตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบกต่อจาก พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึง 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554 และเป็นหนึ่งในคณะดำเนินคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2554

รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557
พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) ในการประกาศกฏอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 และรัฐประหาร ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หลังการหารือกับตัวแทน 7 ฝ่ายไม่เป็นผล ต่อมา คสช. มีประกาศให้อำนาจของนายกรัฐมนตรีเป็นของเขา
หลังรัฐประหาร สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับพลเอก ประยุทธ์ให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณและพันธมิตรนับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการ กองทัพได้รับข้อเสนอของ กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรต่อมา พลเอกประยุทธ์ปฏิเสธว่าไม่ได้คุยกับสุเทพเป็นการส่วนตัวในห้วงการชุมนุมทางการเมือง
พลเอกประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ตอนหนึ่งว่า "ตนเรียนท่านแล้วทุกวันนี้ เราทำกฎกลไกของรัฐปกติ ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน ผมไม่เห็นจะยากตรงไหน ในการที่จะบริหารให้คนทำงาน แต่จะก้าวหน้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"